วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Tour de France


           
Tour de France  หรือบางครั้งเรียกว่า La Grande Boucle และ Le Tour เป็นการแข่งขันจักรยานทางไกลรอบประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1903 จนถึงปัจจุบัน (เว้นการจัดแข่งขันในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง)


           Tour de France เป็นการแข่งขันจักรยานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เป็นการแข่งขันจักรยานทางไกลหนึ่งในสามรายการใหญ่ ที่จัดการแข่งขันในยุโรป รวมเรียกว่า แกรนด์ทัวร์ โดยอีกสองรายการคือ
 Giro d'Italia จัดในอิตาลี ช่วงเดือนพฤษภาคม-ต้นมิถุนายน
 Vuelta a España จัดในสเปน ช่วงเดือนกันยายน
การแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1903 เกิดขึ้นเนื่องจากการท้าทายกันทางหน้าหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสชื่อ  L'Auto มีนักแข่งเข้าร่วมจำนวนถึง 60 คน แต่สามารถเข้าเส้นชัยได้เพียง 21 คน ซึ่งกิตติศัพท์ของความยากลำบากในการแข่งขัน ทำให้การแข่งขันนี้เป็นที่สนใจ และมีผู้ชมการแข่งขันช่วงสุดท้ายในกรุงปารีส ตามสองฟากถนนระหว่างทางราว 100,000 คน และกลายเป็นประเพณี ที่การแข่งขันทุกครั้งจะไปสิ้นสุดที่ประตูชัย จตุรัสเดอเลตวล ปารีส
ในปี ค.ศ. 1910 เริ่มมีการจัดเส้นทางแข่งขันเข้าไปในเขตเทือกเขาแอลป์ ปัจจุบันเส้นทางการแข่งขันจะผ่านทั้งเทือกเขาแอลป์ ทางตะวันออก และเทือกเขาพีเรนีสทางใต้ของฝรั่งเศส
การแข่งขันตูร์เดอฟรองซ์จะแบ่งเป็นช่วง (stage) เพื่อเก็บคะแนนสะสม ผู้ชนะในแต่ละช่วงจะได้รับเสื้อ (jersey) เพื่อสวมใส่ในวันต่อไป โดยมีสีเฉพาะสำหรับผู้ชนะในแต่ละประเภท คือ
สีเหลือง (maillot jaune - yellow jersey) สำหรับผู้ที่ทำเวลารวมได้น้อยที่สุด
สีเขียว (maillot vert - green jersey) สำหรับผู้ที่มีคะแนนรวมสูงที่สุด (the leader of the points classification)
สีขาวลายจุดสีแดง (maillot à pois rouges - polka dot jersey) สำหรับผู้ชนะในเขตภูเขา ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่า จ้าวภูเขา King of the Mountains
สีขาว (maillot blanc - white jersey) สำหรับผู้ที่ทำเวลารวมได้น้อยที่สุดสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 26 ปี
สีรุ้ง (maillot arc-en-ciel - rainbow jersey) สำหรับผู้ชนะการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลก (World Cycling Championship) ซึ่งมีกฏว่าจะต้องใส่เสื้อนี้เมื่อแข่งขันในประเภทเดียวกับที่ผู้แข่งนั้นเป็นแชมป์โลกอยู่
เสื้อแบบพิเศษ สำหรับผู้มีคะแนนรวมสูงสุด และชนะการแข่งขันช่วงย่อย และจ้าวภูเขา


            Tour de France เป็นกีฬาที่จัดขึ้นประจำปีในเดือนกรกฎาคม อากาศกำลังสบาย เหมาะกับการขี่จักรยาน หากในบางปี อากาศร้อนจัด ผู้แข่งขันซึ่งเรียกในภาษาฝรั่งเศสว่า le coureur จะเหงื่อไหลไคลย้อย มากขึ้นไปอีก น่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วยความร้อนและความเหนื่อย

เมื่อถึงฤดูร้อน ชาวฝรั่งเศสเตรียมไปพักร้อนกันถ้วนหน้า เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม ครอบครัวใดมีลูกต้องรอ ให้ปิดเทอมเสียก่อนตอนต้นเดือนกรกฎาคม กรุงปารีสจึงร้างผู้คนในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม เพราะต้องผลัดกันไป ผู้ที่ไม่ได้ไปไหนในเดือนกรกฎาคม จะเฝ้าหน้าโทรทัศน์ เพราะมีการถ่ายทอด Tour de France

อองรี เดส์กรองจ์ (Henri Desgrange) ก่อตั้งหนังสือพิมพ์กีฬาชื่อ L'Auto-Velo แล้วเป็นคดีความกับหนังสือพิมพ์กีฬา Le Velo ก่อตั้งในปี 1892 อองรี เดส์กรองจ์ แพ้ความ จึงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น L'Auto ส่วน Le Velo นั้นเปลี่ยนชื่อเป็น Le Journal de l'Automobile ในปี 1904 และเลิกไปในที่สุด

อองรี เดส์กรองจ์ประสบปัญหาการเงินจากการเป็นความกับ Le Velo จึงคิดหา วิธีหาเงินเพิ่ม จึงจัดการแข่งจักรยานในปี 1903 โดยให้ชื่อว่า Tour de France เพื่อแข่งกับการแข่งจักรยานเส้นทางปารีส-เบรสต์ (Brest)-ปารีสของหนังสือพิมพ์ Le Petit Journal และบอร์โดซ์-ปารีสของ Le Velo

Tour de France ครั้งแรกมี 6 ระยะด้วยกันคือ ปารีส ลิอง (Lyon) มาร์แซย (Marseille) ตูลูซ (Toulouse) บอร์โดซ์ (Bordeaux) นองต์ (Nantes) และกลับมาที่ ปารีส มีผู้เข้าแข่งทั้งหมด 60 คน แต่เข้าเส้นชัยเพียง 20 คน ผู้ได้รับชัยชนะคือโมริซ กาแรง (Maurice Garin) ในปี 1904 มีปัญหากระทบกระทั่งกับชาวบ้านในเส้นทางผ่านของผู้เข้าแข่ง

กฎประการหนึ่งของ Tour de France คือ หากเกิดปัญหาเทคนิค นักกีฬา ต้องแก้ไขเองเพียงลำพัง ผู้อื่นไม่สามารถให้ ความช่วยเหลือได้ นั่นเป็นปัญหาที่เกิดกับเออแจน คริสตอฟ (Eugene Christophe) ที่ถูกรถชนล้ม ทำให้เขาช้ากว่าผู้อื่นถึง 4




Tour de France ต้องงดหลังจากปี 1914 เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และกลับมาแข่งใหม่ในปี 1919 ซึ่งกำหนดให้ผู้ได้ รับชัยชนะให้สวมเสื้อสีเหลืองที่เรียกว่า maillot jaune ผู้ได้รับคนแรกคือ เออแจน คริสตอฟนั่นเอง ต่อมาในปี 1953 กำหนดมอบ maillot vert เสื้อสีเขียวแก่ผู้ที่สปรินต์ ได้เร็วที่สุด ส่วน maillot a pois เสื้อสีขาวจุดแดง มีขึ้นในปี 1975 มอบแก่ผู้ที่ชนะช่วง ที่เป็นภูเขา ส่วนเสื้อสีขาว maillot blanc กำหนดในปี 1970 มอบแก่นักกีฬาอายุต่ำกว่า 25 ปีที่ได้รับชัยชนะ

นักกีฬาที่หมอบบนจักรยานเป็นเวลา หลายชั่วโมงต้องมีร่างกายแข็งแรงเป็นเลิศ ทางโค้ง ทางชันขึ้นเขาลงเขา ล้วนอันตราย และเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมหลายครั้ง ด้วยว่ามีนักกีฬาที่เสียชีวิตระหว่างการแข่งขัน เช่น ล้มจนศีรษะกระแทกโขดหินจนเสียชีวิต หรือเหนื่อยจนขาดใจตายก็มี กีฬาย่อมนำมา ซึ่งการโด๊ปยา จนกลายเป็นเรื่องฉาว นักกีฬา บางคนถูกขับจากการแข่งขัน

การแข่ง Tour de France มีการรายงานสดทางโทรทัศน์ในทศวรรษ 1960 ปัจจุบันมีการถ่ายทอดสดทางวิทยุและโทรทัศน์ จึงตระหนักว่า Tour de France มิได้เป็นแต่การแข่งขันความเร็วเท่านั้น หากยังได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของเส้นทางแข่งขันด้วย คณะกรรมการผู้จัดเป็นผู้กำหนดเส้นทางซึ่งเปลี่ยนไปในแต่ละปี ผ่านเมืองใดสร้างความคึกคักให้เมืองนั้น

ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2009 มีกำหนดไปเที่ยวเมืองกอลมาร์ (Colmar) บังเอิญเป็นช่วงที่นักกีฬา Tour de France จะมาถึงเมืองกอลมาร์และออกสตาร์ทในวัน รุ่งขึ้น เป็นเส้นทางการแข่งขันระหว่างเมือง Vittel-Colmar และ Colmar-Besan"on อันที่จริง Tour de France ไม่เคยอยู่ในความสนใจ เห็นแต่ถีบจักรยานไปเรื่อยๆ จะตื่นเต้นตอนเข้าเส้นชัยอย่างเดียว หาก Tour de France มานำเสนออยู่ตรงหน้า จำต้องไปดูให้เป็นที่ประจักษ์

กอลมาร์เคยอยู่ในเส้นทาง Tour de France มาแล้วหลายครั้งกล่าวคือในปี 1931 เส้นทาง Belfort-Colmar 209 กิโลเมตรและ Colmar-Metz 192 กิโลเมตร ในปี 1949 Lausanne-Colmar 283 กม. Colmar-Nancy 137 กม. ในปี 1955 Metz-Colmar 229 กม. Colmar-Zurich 195 กม. ปี 1957 Metz-Colmar 223 กม. Colmar-Besan"on 192 กม. ปี 1997 Fribourg en Brisgau-Colmar 218.5 กม. Colmar-Montbeliard 175.5 กม. และปี 2001 Strasbour-Colmar 162.5 กม. Colmar-Pontarlier 222.5 กม.

กอลมาร์เป็นเมืองที่สวยน่ารักมาก โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเมืองเก่า-Vieille Ville บ้านแบบอัลซาส (Alsace) ติดๆ กันบนทาง เดินเล็กๆ ที่ไม่ให้รถวิ่ง จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว อันเป็นที่มาของร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมาย มื้อกลางวันราคาไม่แพงแถมอร่อยด้วย เมื่อใกล้วันที่ Tour de France จะมาถึง เทศบาลห้ามจอดรถในลานจอดรถ บางแห่งและถนนบางสาย สร้างความเดือดร้อนให้ชาวเมืองที่ต้องวนรถหาที่จอด ผู้ประกอบการค้าไม่สบอารมณ์นัก เพราะเกรงจะกระทบต่อกิจการ คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ นักท่องเที่ยวบางตาในสองวันที่มี Tour de France

วันที่นักกีฬามาถึงนั้นฝนตกตลอดบ่ายและอากาศเย็นมาก จนนักกีฬาต้องสวม เสื้อกันฝนและกันหนาว มัวแต่ไปเที่ยวนอกเมืองจึงพลาดการชมนักกีฬาเข้าเส้นชัย ทว่า ในวันรุ่งขึ้นไปจับจองที่ตั้งแต่ 9.30 น. เพราะคิดว่าจะปล่อยตัวนักกีฬาตอน 10.45 น. ทว่าเป็นความเข้าในผิดทั้งเพเพราะจะปล่อยตัวนักกีฬาเวลา 12.30 น. ถึงกระนั้นไม่ย่นย่อ

เนื่องจากเป็นวันเสาร์ชาวเมืองกอล มาร์จึงมาชมเต็มสองข้างทาง ได้ที่มั่นห่างจากเส้นสตาร์ทเพียงสิบเมตรโดยประมาณ ขณะรอนั้น บริษัทต่างๆ มาแจกสินค้า เช่น หมวกแก็ปสีฟ้าของ Bbox ในเครือของ Bouygues หมวกสีขาวของ Skoda หมวกใส่ นอนจาก Etap Hotel กระบังกันแดดของ Antargaz เครื่องดื่ม Recore ที่มีพนักงานแบกถังมารินใส่ถ้วย น้ำแร่ Vittel เป็นต้น นอกจากนั้น รถของหนังสือพิมพ์ L'Equipe มาจอดขายสินค้า ซึ่งมีทั้งร่ม ทีเชิ้ต เสื้อนัก กีฬาจักรยานที่เรียกว่า maillot เสื้อกันฝน ฯลฯ ทั้งยังตั้งแผงลอยข้างทางด้วย

ยิ่งสาย ผู้คนยิ่งเบียดเสียดจึงเกิดการวิวาท สาวไทยเกาะแผงเหล็กกั้นไว้แน่น เมื่อ มีผู้พยายามเบียดจึงได้เวลาเบียดกลับ ในวันนั้นเฟรเดริก มิตแตรองด์ (Frederic Mitterrand) รัฐมนตรีวัฒนธรรมมาร่วมงาน ด้วย รวมทั้งนักกีฬา Tour de France ในอดีต เช่น เรย์มงด์ ปูลิดอร์ (Raymond Poulidor) แบร์นารด์ อิโนลต์ (Bernard Hinault) ปะรำพิธีมีนักข่าวกีฬาทีวีเป็นผู้ดำเนินรายการ เชิญนักร้องนักแสดงมาร่วมด้วย นิโกเลตตา (Nicoletta) นักร้องรุ่นคุณย่ามาร้องเพลง Mamy Blues อันเลื่องลือในทศวรรษ 1970 เมื่อถึงเวลา 10.45 น. ได้ เวลาเคลื่อน caravane publicitaire ขบวนรถโฆษณาสินค้ายี่ห้อต่างๆ ที่เป็นสปอนเซอร์ การแข่งขัน บ้างทำเป็นหุ่นนักกีฬา บ้างเป็น ตัวสัตว์ซึ่งเป็นโลโกของสินค้า พนักงานประจำรถจะโยนสินค้าให้ผู้คนสองข้างทาง ใครดีใครได้ เป็นส่วนของ Tour de France ที่ครึกครื้นมาก

ใกล้เวลาปล่อยตัวนักกีฬา รถทางการสีแดงซึ่งเป็นพาหนะของประธานกรรมการจัดการแข่งขันขยับมาจอดข้างหน้า ประธานยืนขึ้นเมื่อประทุนรถเปิด เป็นผู้ให้สัญญาณการปล่อยตัวนักกีฬาแถวหน้าสุดจะเป็นตัวเต็งที่ได้เสื้อสามารถสีต่างๆ ต้องใช้ความสามารถในการจับภาพ เพราะเพียงชั่ววินาที นักกีฬาหายหมดเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม หลังจากยืนรอเป็นเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง คงเป็น Tour de France เดียวในชีวิต  




วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

do and don't in France culture

Sleep-office



     ชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการนอนกลางวัน จึงส่งผลให้ประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสชอบนอนกลางวันตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของวัฒนธรรม คล้ายคลึงกับของอังกฤษและอิตาลีอยู่แล้ว ไม่สามารถแบ่งได้ชัดเจนเด่นชัด เช่น การจับมือ ภาษา เป็นต้น


สิ่งที่ควรทำ – ไม่ควรทำ
1.คุณสามารถกล่าวทักทายว่าบงชู (Bonjour) ซึ่งหมายถึงสวัสดีตอนเช้า
หรือบงซัว (Bonsoir) ที่หมายถึงสวัสดีตอนเย็น
กล่าวลาเมื่อจะจากไปด้วยคำว่า โอ”เครอ”วัว (Au revoir)  ที่แปลว่า ลาก่อน
และกล่าวขอบคุณว่า แม็กซิ (Merci) ได้
2. วิธีทักทายสำหรับคนที่รู้จักกันนั้นคือการแลกจูบแก้มซึ่งกันและกัน ไม่ว่าคู่ทักทายของคุณจะเป็นหญิงหรือชาย ตามงานพิธีต่างๆ ชาวฝรั่งเศสใช้วิธีชนแก้มกันทั้งสองข้าง (la bise) ว่ากันว่าชาวปารีสนิยมแนบแก้มกันถึง 4 ครั้ง ถ้าเป็นเมืองนอกเขตปารีสทำเพียง 2 ครั้ง
3. เมื่อไปรับประทานอาหารตามภัตราคารอย่าตะโกนเรียกบริกรว่า”การ์ซ็อง (garçon)” ที่ตรงกันกับภาษาอังกฤษว่า boy ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสถือว่าไม่ สุภาพ ควรเรียกว่าเมอซิเออร์ และกล่าวคำว่า ซิล วู เปล ซึ่งแปลว่ากรุณา เวลาสั่งอาหารหรือขออะไรเพิ่มเติมจึงถือว่าสุภาพและควรถอดหมวก เสื้อคลุม โอเวอร์โค๊ดหรือแจ้กเก็ต เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ก่อนทุกครั้ง
4. สนามหญ้าในฝรั่งเศสมีไว้ให้ดูและชื่นชมความเขียวชอุ่ม ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ยกเว้นตามสนามหญ้าที่เปิดเป็นสาธารณะ หากคุณละเมิดกฏเข้าไปในสนามหญ้าซึ่งมีป้าย pelouse interdite แปลว่า สนามหญ้าห้ามเข้า กำกับอยู่ ถือว่าคุณทำผิดกฏหมาย
 5. เมื่อชาวฝรั่งเศสต้องการโบกมือลาเขาจะยกมือพร้อมกับขยับนิ้วขึ้นลง ๆ
6. รถแท็กซี่ในฝรั่งเศสนั่งได้ 3 คน เฉพาะที่ตรงด้านหลังคนขับเท่านั้นที่นั่งด้านขวามือข้างหน้าคู่กับคนขับ นั้น มักไว้ให้เป็นที่นั่งของสัตว์เลี้ยง

CLASSIC RATATOUILLE

Ratatouille (2).JPG






Classic ratatouille
Ingredients
About ½ cup olive oil
1 eggplant (1¼ pounds); ends cut off, washed and cut, with skin on, into 1-inch cubes (about 4 cups)
3 medium zucchini (about 1 ¼ pounds, washed, ends removed, cut in 1-inch cubes (about 3 cups)
12 ounces onions (2-3 depending on size), cut into 1-inch cubes
1 pound green bell peppers (2–3,) washed, seeded, and cut into 1-inch squares (about 3 cups)
4–5 well-ripened tomatoes; peeled, halved, seeded and coarsely cubed (about 4 cups)
5–6 cloves garlic; peeled, crushed, and very finely chopped (about 1 tablespoon)
½ cup water
2 teaspoons salt
½ teaspoon freshly ground black pepper

Directions
1. Heat ¼ cup of the oil in one or, better, two large skillets.
2. First sauté the eggplant cubes, about 8 minutes; remove with slotted spoon and transfer to a large, heavy flameproof casserole. (The eggplant will absorb more oil while cooking than the other vegetables.)
3. Then sauté the zucchini cubes until browned, about 8 minutes. Then transfer to the casserole.
4. Add about ¼ cup more oil to the pan and sauté the onions and peppers together for about 6 minutes. Add them to the casserole.
5. Add the tomatoes, garlic, water, salt, and pepper to the casserole and bring to a boil over medium heat. Reduce heat, cover, and cook over low heat for 1 hour.
6. Remove the cover, increase the heat to medium, and cook another 20 minutes, uncovered, to reduce some of the liquid; stir once in a while to prevent scorching.
7. Let the ratatouille rest for at least 30 minutes before serving.

Tips/Techniques
This recipe is from Jacques Pepin: Ratatouille is the epitome of Provençal vegetable stews. The vegetables are sautéed individually in oil before being stewed, so they keep their shape and texture. If you prefer, though, you can put all the cubed vegetables into a casserole and top with the seasonings and water. Ratatouille is excellent reheated, and superb cold as an hors d’oeuvre topped with small black olives and olive oil.




C'est moi!

  


                                             Bonjous!
                                                       Je m'appelle Ariya Kaewruang.
                                                       J'ai seize ans.
                                                       J'aime la France et la Danemark.