วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

แคว้นในฝรั่งเศส

ประเทศฝรั่งเศส แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
  1. เทศบาล เป็นองค์การปกครองส่วนที่เล็กที่สุด จำนวนประมาณ 37,000 communes
  2. จังหวัด เป็นองค์การปกครองขนาดกลาง ในฝรั่งเศสมีจำนวนประมาณ 100 département ซึ่งรวมถึงดินแดนโพ้นทะเล 4 แห่ง คือ Martinique, Guadeloupe, Réunion และ French Guyana
  3. มณฑล เป็นองค์การปกครองที่ใหญ่ที่สุด ประเทศฝรั่งเศสมีทั้งสิ้น 13 แคว้น (regions) ได้แก่
    1. Alsace-Champagne-Ardenne-Lorraine
    2. Aquitaine-Limousin-Poitou-Charentes
    3. Auvergne-Rhône-Alpes
    4. Bourgogne-Franche-Comté
    5. Brittany
    6. Centre-Val de Loire
    7. Île-de-France
    8. Languedoc-Roussillon-Midi-Pyrénées
    9. Nord-Pas-de-Calais-Picardy
    10. Normandy
    11. Pays de la Loire
    12. Provence-Alpes-Côte d’Azur
    13. Corsica13600367_805254642909901_3032268999223901277_n

วันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2560

วิลเลียม เชคสเปียร์

วิลเลียม เชคสเปียร์  

วิลเลียม เชคสเปียร์  William Shakespeare เกิดวันที่ 26 เมษายน 1564 

ประเทศอังกฤษ ที่เมือง สเตรตฟอร์ด อัพพอน เอวอน แคว้นวอร์วิคไชว์
- กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ
- ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษและของโลก


- ผู้คนมักเรียกขานเขาว่า กวีแห่งชาติของอังกฤษ และ "Bard of Avon"

 (กวีแห่งเอวอน)


- บทละครและงานเขียนของเขาในปัจจุบันยังคงมีหลงเหลืออยู่ ประกอบด้วย

  บทละคร 38 เรื่อง กวีนิพนธ์แบบซอนเน็ต 154 เรื่อง กวีนิพนธ์อย่างยาว 2 เรื่อง

  และบทกวีแบบอื่นๆ อีกหลายชุด


ผลงานที่มีชื่อเสียงของเชกสเปียร์


- แฮมเล็ต บทละครแนวโศกนาฏกรรมดำเนินเรื่องในประเทศเดนมาร์กเรื่องราว

  เกี่ยวกับความพยายามที่จะล้างแค้นลุง หรือกษัตริย์คลอดิอัสของเจ้าชายแฮมเล็ต

 เนื่องจากลุงของแฮมเล็ตเป็นผู้แอบลอบสังหารบิดาของแฮมเล็ต


- King Lear


- แม็คเบธ แม็คเบ็ธ…ผู้ทรยศ The Tragedy of Macbeth ป็นเรื่องราว ความ

  ทะเยอทะยานอันไม่มีที่สิ้นสุดและนำพาชีวิตไปสู่ความหายนะ โดยนำเรื่องราว

  มาจากพระประวัติของ พระเจ้าแม็คเบ็ธแห่งสกอตแลนด์ เป็นละครต้องคำสาป

  เพราะมีฉากแม่มดและ คําสาปมนต์ดํา ว่ากันว่าทําให้แม่มดตัวจริงสมัยนั้น

  เคืองแค้นที่ เช็กสเปียร์เอาเรื่องราวชีวิตของแม่มดมาเปิดเผย ว่ากันว่าได้มีการ

  สาปแช่งจากแม่มดว่าใครที่มาแสดงเป็นตัวบทแม็คเบ็ธจะต้องมีอันเป็นไป

  เจ็บป่วยตาย มีอันเป็นไปทุกราย (ถ้าเป็นจริงทำไมไม่สาป เช็คสเปียร์ไปเลยหละ

  ทีเดียวจบๆ)


- งานเขียนของเขามีทั้ง เรื่องตลกขบขัน ซึ่งเป็นงานเขียนในช่วงแรกประวัติศาสตร์ 

  ที่อิงประวัติศาสตร์ตามบรรดากษัตริย์ เรื่องเศร้า โศกนาฏกรรม


- Romeo and Juliet เรื่องเศร้าของเชกสเปียร์ ที่ได้รับผลตอบรับได้รับความนิยม

  มากเป็นโศกนาฏกรรมด้านความรัก


- กวียุคโรแมนติกยกย่องนับถือเชกสเปียร์ในฐานะอัจฉริยะ ขณะที่กวียุควิคตอเรีย

  เคารพนับถือเชกสเปียร์อย่างยิ่ง จนได้รับฏายาว่า"จอมกวี" หรือ "เทพแห่งกวี"


- เชคสเปียร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1616 ร่างของเชคสเปียร์ฝังไว้

  ที่สุสานของคริสตจักรโฮลี่ทรินิตี้


มีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์แด่เขาบนกำแพงทางด้านเหนือพร้อมกับ

ทำรูปปั้นครึ่งตัวของเขาในท่าทางที่กำลังเขียนหนังสืออยู่ด้วยคำจารึกเปรียบ

เทียบเขาเสมอกับเนสเตอร์ / โสกราตีส และเวอร์จิล

แผ่นหินที่วางเหนือหลุมศพของเขามีอักขระจารึกไว้พร้อมกับได้จารึกคำสาป

หากว่ามีผู้ใดที่คิดจะมาเคลื่อนย้ายกระดูกของเขา










วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560

วิธีเลือกไวน์ที่ถูกต้อง

วิธีเลือกไวน์ที่ถูกต้องทำอย่างไร?



คณต้องรู้ว่ากินกำลังกินอะไร: เพื่อจะเลือกดื่มไวน์ให้เข้ากับอาหารที่คุณกิน ที่คุณต้องการคือสูตรการ pairing สำคัญ 2-3 อย่าง นั่นคือ เลือกดื่มไวน์เบาๆ (Light wine) กับอาหารเบาๆ เช่น ปลา ไก่ ครีมซอส และเลือกดื่มไวน์เนื้อหนัก (Full-bodied wine) กับอาหารหนักๆ เช่น เนื้อวัว หมู แกะ พาสต้าที่ใช้มะเขือเทศเป็น based sauce ดังนั้น กฎโดยทั่วไปคือ การดื่มไวน์ขาวคู่กับอาหารประเภทปลา ไก่ และ หมูบางประเภท และ ไวน์แดงคู่กับอาหารประเภทเนื้อวัว เนื้อแกะ

หากคุณกำลังทานอาหารรสเผ็ด ให้เลือกไวน์ที่มีความหวานหน่อย ได้แก่ Sauvignon Blanc, Riesling หรือ Pinot Grigio แต่หากคุณแค่อยากจิบไวน์นั่งสบายๆ คุณอาจะเลือก Pinot Noir หรือ Cabernets ซึ่งหาได้ง่าย
นอกจากไวน์ขาวและไวน์แดงแล้ว ยังมี Sparkling wine เหมาะกับการจิบในช่วงวันหยุด, Rose wine ไวน์สีชมพูอ่อน และ Dessert wine ไวน์ที่มีรสหวาน

เลือกแหล่งผลิตไวน์: พื้นที่ที่ใช้ในการเพาะองุ่นสำหรับหมักไวน์เนื่องจากดินที่ใช้ทำให้รสองุ่นต่างกัน ดังนั้น ไวน์ที่ผลิตในยุโรป (Old-world) เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี จะรสต่างจากไวน์ที่ผลิตในที่อื่นๆ (New-world) เช่น แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย แคลิฟอร์เนีย ชิลี เป็นต้น หากคุณต้องเลือก ไวน์จาก Old-world อาจจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าไวน์จากประเทศ New-world จะไม่อร่อยเพราะก็มีไวน์จากอเมริกาและออสเตรเลียที่ได้รับรางวัลมากมาย
Tips เล็กน้อย:
  • ไวน์ที่ผลิตในอเมริกา ให้มองหาไวน์จากออเรกอน (Oregon) หรือไร่นาปาในแคลิฟอร์เนีย (Napa Valley, California)
  • ไวน์ที่ผลิตในฝรั่งเศส ให้มองหาไวน์จาก Bordeaux, Burgundy, และ Champagne
  • ไวน์ที่ผลิตในอิตาลี ให้มองหาไวน์จาก Tuscany, Chianti
  • ไวน์ที่ผลิตในออสเตรเลีย ให้มองหา Shiraz
เลือกชนิดของไวน์: คำศัพท์ระบุชนิดของไวน์อาจทำให้น่าปวดหัวเพราะเป็นศัพท์ที่ไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตา ชนิดของไวน์เกิดจากการใช้พันธุ์องุ่นที่แตกต่างกัน เราขอเสนอชนิดของไวน์และความแตกต่างของแต่ละชนิดสั้นๆดังนี้
  • Cabernet Sauvignon – ไวน์แดงเนื้อหนัก (Full-bodied) เข้มข้น เข้ากันได้ดีกับอาหารหนักๆ เช่น เนื้อวัว สเต็ก แกะ และ พาสต้าที่มีมะเขือเทศเป็น base
  • Pinot Noir: ไวน์แดงที่มี bodied บางกว่า Cabernet Sauvignon
  • Merlot: ไวน์แดง เนื้อเบา
  • Chardonnay: ไวน์ขาวที่มีกลิ่นหอมและรสอ่อนละมุน เป็นไวน์ขาวอายุน้อย เข้ากันได้ดีกับอาหารประเภทปลา ไก่ และ พาสต้าครีมซอส
  • Sauvignon Blanc: ไวน์ขาวที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สดใส และมีกลิ่น Acidity นิยมไว้จิบเล่นๆในช่วงฤดูร้อน หรือจะดื่มคู่กับอาหารประเภทปลาก็ได้เช่นกิน
  • Riesling: ไวน์ขาวที่มีรสออกหวาน Riesling ที่ได้รับความนิยมส่วนมากผลิตจากเยอรมันและแคลิฟอเนีย
เลือกปีที่ผลิตไวน์: ปีเราเป็นบนฉลากหมายถึงปีที่เก็บเกี่ยวองุ่น ซึ่งก็รวมไปถึงสภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝนของปีที่ผลิตไวน์ด้วย ไวน์บางประเภทจะมีรสชาติดีเบื่อบ่มนานๆในถังบ่มและบ่มต่ออีกในขวด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไวน์เก่าๆจะดีเสมอไป โดยทั่วไปแล้ว ไวน์แดงจะอร่อยเมื่อผ่านเวลาไปพอสมควร โรงผลิตไวน์จะเก็บไวน์แดงที่ผลิตออกมาแล้ว 2 ปี กว่าจะนำไปวางในท้องตลาด ส่วนไวน์ขาวและ sparkling wine ส่วนใหญ่ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาบ่มนาน และอาจเสียได้หากเก็บไว้นานเกินไป

เลือกแก้วไวน์ให้เหมาะสมกับชนิดไวน์: การเลือกใช้แก้วไวน์ให้เหมาะกับชนิดของไวน์ที่เราเลือกดื่มนั้นสำคัญเนื่องจากลักษณะของแก้วไวน์แต่ละแบบมีผลต่อการรับรู้รสและกลิ่นของไวน์ ทั้งนี้เป็นเพราะรสชาติ กลิ่น และระดับแอลกอฮอลที่แตกต่างกันในไวน์ชนิดต่างๆ ถึงขนาดว่า หากคุณเลือกใช้แก้วไวน์ได้ถูกต้อง แก้วไวน์จะดึงลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นของไวน์นั้นๆได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความหอม กลิ่นผลไม้ กลิ่นไม้โอ๊ค หรือรสชาติความหวาน ความฝาด และความกลมกล่อมของไวน์ มากไปกว่านั้นการออกแบบของแก้วไวน์แต่ละแบบจะเป็นตัวนำไวน์ไปสู่ส่วนต่างๆของลิ้นของคุณแตกต่างกันไปอีกด้วย 





ข้อมูลจาก : ohlor 


ฟัวกรา





ฟัวกรา เป็น อาหารประจำชาติของประเทศฝรั่งเศส 

ฟัวกรา(ฝรั่งเศส: foie grasเสียงอ่านภาษาฝรั่งเศส: [fwɑ gʁɑ] แปลว่า "ตับที่มีไขมันสูง") คือตับห่านหรือเป็ดที่ถูกเลี้ยงให้อ้วนเกิน ฟัวกราได้ชื่อว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับทรัฟเฟิล มีลักษณะนุ่มมันและมีรสชาติที่แตกต่างจากตับของเป็ดหรือห่านธรรมดา    

ใน พ.ศ. 2548 ทั่วโลกมีการผลิตฟัวกราประมาณ 23,500 ตัน ในจำนวนนี้ ประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้ผลิตมากที่สุดคือ 18,450 ตัน หรือร้อยละ 75 ของทั้งหมด โดยร้อยละ 96 ของฟัวกราจากฝรั่งเศสมาจากตับเป็ด และร้อยละ 4 มาจากตับห่าน ประเทศฝรั่งเศสบริโภคฟัวกราใน พ.ศ. 2548 เป็นจำนวน 19,000 ตัน
ประเทศฮังการีผลิตฟัวกรามากเป็นอันดับสอง และส่งออกมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ 1,920 ตันใน พ.ศ. 2548 โดยเกือบทั้งหมดส่งออกไปที่ฝรั่งเศส

วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

7 เนยแข็งยอดนิยมของฝรั่งเศส


1.CAMEMBERT
จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกาม็องแบร์ ชีสเนื้อนุ่มออกครีมหน่อยๆมีผิวแข็งนิดๆ ที่มีแหล่งผลิตที่แคว้น Normandie เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักเพราะมันดังไปทั่วโลก ด้วยความที่รสมันเข้ม จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับไวน์แดง เช่น  Cabernet Sauvignon หรือ Pinot Noir ส่วนใครชอบไวน์ขาวอาจจะเลือกเป็น Chardonnay, Chenin Blanc หรือ Champagne.

2.BRIE
บรีที่ขึ้นชื่อที่สุดต้องเป็น Brie de Meaux เป็นชีสอีกตัวที่มีเนื้อนุ่ม มักมีสีเหลืองอ่อน ถ้าบ่มนานก็อาจจะเหลืองเข้ม ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปีค.ศ.700 แก่กว่ากาม็องแบร์ที่มาตอนปี 1700 ถึงพันปี จะมีไขมันสูงกว่ากาม็องแบร์ ใครรักษาสุขภาพก็เลือกกันเอาค่ะ ทานคู่กับไวน์ตัวเดียวกับกาม็องแบร์ก็ได้ หรือจะเป็น  Sauvignon Blanc หรือ Beaujolais ก็ดี

3.ROQUEFORT
ร็อคเกอะฟอร์ บลูชีสปราบเซียน ไม่แกร่งจริงมักจะทนกลิ่นและรสชาติไม่ค่อยได้ เป็นชีสจากนมแพะ คนที่ชอบมักบอกว่ามันจะให้รสชาติที่นุ่มนวลและเค็มที่ปลายลิ้น มักทานคู่กับไวน์ Sauternes ถือเป็นชีสคลาสสิคอีกตัวหนึ่ง

4.PONT-L'ÉVÊQUE
ปง เลแว็ค มีถิ่นกำเนิดที่แคว้น Normandie เช่นกัน ส่วนตัวแอดมินชอบตัวนี้เพราะเค็มดี ฮ่าๆ เป็นชีสเนื้อนุ่ม เกิดมานานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษ 1200 มักทานคู่กับ cider หรือ Champagne

5.EMMENTAL
เอมม็องตาล ชีสเนื้อแข็งปานกลาง หน้าตาเหมือนชีสในการ์ตูนที่หนูชอบกิน โพรงในชีสมาจากคาร์บอนไดอ็อกไซด์์ที่พยายามจะลอยขึ้นมาในกระบวนการสุดท้ายของการบ่ม แต่ลอยไม่พ้น ฮ่าๆ เหมาะกับไวน์ Beaujolias หรือ Champagne รสชาติจะไม่เข้มข้นมาก จะมันๆมักเอาใส่แซนวิช หรือทำกราแต็ง

6.COMTÉ
กงเต้ ตัวนี้ก็ของโปรดแอดมิน คือรสชาติ เนื้อสัมผัสดีงามมากกก เค็มๆมันๆ จะเป็นชีสเนื้อแข็งปานกลาง แต่เปลือกแข็ง เวลากินต้องปอกเปลือกสีน้ำตาลๆออกก่อน รสชาติเข้มข้นพอสมควร บางคนบอกว่าจะมีรสหวานหน่อยๆ เวลาเลือกแนะนำให้มองหาคำว่า "Comté extra" เพราะจะการันตีคุณภาพรสชาติ สี เนื้อสัมผัส เปลือก

7.BOURSIN
บุคแซ็ง ตัวนี้อายุน้อยสุดแล้ว เกิดในช่วงทศวรรษ 1950 ชื่อมาจากตัวคนคิดนั่นแหละคือนาย François Boursin เนื้อสัมผัสให้อารมณ์เดียวกับครีมชีส รสชาติจะสดชื่นๆ หลายสูตรมักผสมสมุนไพรหรือเครื่องเทศลงไปด้วย ตัวนี้ไขมันและแคลอรี่สูงมาก ใครกลัวอ้วนลองมองหาสูตร light ดูค่ะ




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เนยแข็ง ของฝรั่งเศส











วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

วัฒนธรรมการกินของชาวฝรั่งเศส

À TABLE – อาหารพร้อมแล้ว
ที่ฝรั่งเศส เวลาเราพูดว่า à table อา ตาเบลอ  นั่นหมายถึงอาหารพร้อมแล้ว  ให้มานั่งที่โต๊ะและเริ่มรับประทานอาหารได้ว่าแต่ทำไมการทานอาหารพร้อมหน้ากันถึงสำคัญนักสำหรับคนฝรั่งเศส และทำไมเขาจึงพิถีพิถันกับอาหารมากกว่าชาติอื่นๆ
ในศตวรรษที่ 18 เราเรียกยุคนี้ว่ายุค Enlightenment นั่นหมายถึงศิลปะวิทยาการรวมถึงศาสตร์ความรู้ต่าง  ๆ รุ่งเรือง  ถ้ายังจำกันได้  ศตวรรษที่ 17 ของฝรั่งเศสนั้นบอบช้ำด้วยลัทธิ Absolutismหรือการเผด็จอำนาจไว้ที่กษัตริย์เพียงพระองค์เดียว  ชาวฝรั่งเศสจึงบอกลาความเชื่อเดิม ๆ ฐานะกษัตริย์ในศตวรรษที่ 18 นั้นยังคงมีอยู่และศูนย์สิ้นไปในที่สุด  เราจะเห็นได้ว่าความเคลื่อนไหวทางการเมือง  และการประยุกต์ศิลปะวิทยาการต่าง ๆ จะขาดการวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้  จึงเริ่มที่โต๊ะอาหาร  ที่มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันด้านการเมือง  ดังนั้นขนบบนโต๊ะอาหารของฝรั่งเศสจึงสำคัญมาก  รวมถึงวัฒนธรรมการกินที่ถือเป็นศิลปะที่ถูกพัฒนาขึ้นในศตวรรษนี้ด้วย
ในปัจจุบันขนบบนโต๊ะอาหารก็ยังเป็นที่นิยมแพร่หลาย  ถึงแม้ว่าสภาพสังคมที่เร่งรีบทุกวันนี้ทำให้คนฝรั่งเศสรุ่นใหม่ๆ รับวัฒนธรรมอเมริกามาบ้าง  (Fast food)  แต่หลายคนก็ยังพยายามรักษาขนบนี้ไว้
เมื่อคุณแม่ตะโกนว่า à table คุณพ่อและลูก ๆ จะมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตา  พูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมือง  หรือเล่าปัญหาของแต่ละคน  เราเริ่มเสิร์ฟสลัดใส่จานแต่ละคน  เมื่อเราทานสลัดเสร็จ  คนฝรั่งเศสนิยมใช้ขนมปังบาแก๊ทเช็ดน้ำสลัดที่เหลือ  และใช้จานเดิมในการเสิร์ฟอาหารจานหลัก  ซึ่งจะเน้นไปที่โปรตีนจากเนื้อสัตว์  จากนั้นเราก็จะรับประทานชีส  (Fromage)  การตัดชีสนั้นก็สำคัญ  เราต้องตัดในแนวที่ทำให้ทุกคนได้ทานผิวชีสด้วย   และจบด้วยของหวาน  ซึ่งอาจเป็นโยเกิร์ต  หรือขนมหวานต่าง ๆ เช่น Crème brûlée
เห็นไหมคะว่ากว่าจะใช้เวลาทานอาหารเสร็จนั้นนานมากทีเดียว  ทำให้ครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน  ก่อนที่จะแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง  ชาวฝรั่งเศสจึงนิยมกินจัดเต็มแบบนี้ในช่วงมื้อเย็นเท่านั้นค่ะ อีกอย่าง  การรักษาขนบการรับประทานแบบนี้ทำให้ได้รับสารอาหารครบทุกหมู่ค่ะ
🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷🇫🇷

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การฉลองวันวาเลนไทน์ในประเทศต่างๆ


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ช็อกโกแลตวาเลนไทน์

การมอบของขวัญแก่กันในวันวาเลนไทน์เป็นประเพณีของคู่รักทั่วโลก แต่ของขวัญอาจจะไม่เหมือนกันหรือแตกต่างกันไป ที่นิยมที่สุดคือดอกกุหลาบและช็อกโกแลต แต่ในญี่ปุ่น มีการมอบช็อกโกแลตที่ทำเป็นรูปร่างตัวเลข ซึ่งเป็นการบอกเบอร์โทรศัพท์มือถือของหญิงสาวโสดที่อยากได้คู่รัก ในประเทศโรมาเนีย มีการมอบที่ดินบนดวงจันทร์ให้กับคู่รัก เพราะหนุ่มสาวโรมาเนียเชื่อว่า ช็อกโกแลตจะรับประทานแล้วก็หมด ดอกไม้ให้แล้วก็เหี่ยวแห้ง แต่ดวงจันทร์จะคงอยู่ชั่วนิรันดร
แต่ในนิวซีแลนด์ จะห้ามนักเรียนชั้นมัธยมรับดอกกุหลาบ โดยทางโรงเรียนกำหนดว่า ในวันวาเลนไทน์ ห้ามรับดอกกุหลาบหรือของขวัญอื่นๆ เพราะหน้าที่หลักของนักเรียกคือเรียนหนังสือ แต่ผู้ปกครองและครูบางคนเห็นว่า การได้รับดอกไม้เป็นเรื่องที่มีความสุขมาก ถ้าบังคับไม่ให้รับจะทำให้นักเรียนเสียดาย ส่วนในสิงคโปร์ รัฐบาลสนับสนุนให้หนุ่มสาวในวัยแต่งงานหลงรักกันและแต่งงานกันโดยเร็ว เพราะว่าตั้งแต่ปี 1988 เป็นต้นมา อัตราการคลอดบุตรของสิงคโปร์ลดลงเรื่อยๆ อัตราการแต่งงานก็ลดลงประมาณ 2% เมื่อเทียบกับทศวรรษปี 1980-1990 รัฐบาลจึงพยายามสร้างบรรยากาศโรแมนติก และประกาศนโยบายพิเศษต่างๆ เช่น ยกเว้นภาษี มอบรางวัล และให้เบี้ยเลี้ยงพิเศษแก่เด็ก เพื่อกระตุ้นให้คู่รักแต่งงานกันและมีลูกโดยเร็ว
ส่วนในมาเก๊า หนุ่มสาวนิยมอาบน้ำช็อกโกแลตกันในวันวาเลนไทน์ ซึ่งก่อนอาบช็อกโกแลต ต้องอาบน้ำนมก่อน 5-10 นาที แล้วล้างให้สะอาด ก่อนจะถูช็อกโกแลตให้ทั่วตัว พวกเขาเชื่อว่า การอาบช็อกโกแลตร่วมกัน จะทำให้ความรักเข้มข้นยิ่งขึ้น ถ้าให้เลือกเมืองที่โรแมนติกที่สุด น่าจะเป็นกรุงปารีสนั่นเอง ดังนั้น สำหรับชาวฝรั่งเศสแล้ว วันวาเลนไทน์จึงไม่มีความสำคัญมากนัก เพราะในสายตาชาวฝรั่งเศส ทุกวันเป็นวันคู่รัก แต่อย่างไรก็ตาม บรรดานักธุรกิจก็พยายามแสวงหาวิธีใหม่ๆ เพื่อหวังผลกำไรที่น่าพอใจในวันนี้ อย่างเช่นนักธุรกิจเสื้อชั้นในและน้ำหอม ก็พากันมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับวันวาเลนไทน์ และก่อนหน้าวันวาเลนไทน์ ดอกกุหลาบจะขึ้นราคาจนถึง 10 ยูโรต่อดอก ส่วนดอกกล้วยไม้ก็ขายดีขึ้นทุกปี
นอกจากนี้ แสตมป์วันวาเลนไทน์ก็ได้รับความนิยมทั่วประเทศฝรั่งเศส การไปรษณีย์ฝรั่งเศสเริ่มขายแสตมป์รูปดวงใจสำหรับวันวาเลนไทน์ตั้งแต่ปี 1990 แสตมป์วันวาเลนไทน์เป็นของขวัญที่ได้รับความนิยมขึ้นมาเรื่อยๆ ผลการสำรวจปรากฎว่า ชาวฝรั่งเศส 98% รู้จักวันวาเลนไทน์ แต่ผู้ที่ฉลองเทศกาลนี้ส่วนใหญ่อยู่ในวัย 25-34 ปี บางคนเห็นว่า ถ้าลืมฉลองวันวาเลนไทน์ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ว่าวันใด สำหรับคู่รักแล้วล้วนเป็นวันแห่งความสุข แต่ถ้าปกติไม่ค่อยเอาใจใส่คู่รัก ก็ต้องส่งช็อกโกแลตหรือดอกไม้เพื่อแทนคำว่า "ขอโทษ" ในช่วงนี้



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ valentine rose



วันวาเลนไทน์
ปีหลังๆ นี้ ชาวจีนก็นิยมฉลองวันวาเลนไทน์ นอกจากของขวัญต่างๆ แล้ว หนุ่มสาวจีนยังชอบส่งข้อความถึงกัน เพื่อแสดงความรัก อย่างเช่น ข้อความว่า"เธอรู้ไหมว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันมีความรู้สึก 5 อย่างให้เธอเลือก คือ คิดถึงเธอ คิดถึงเธอมาก คิดถึงเธอมากๆ หยุดคิดถึงเธอไม่ได้ และที่กล่าวมาดังกล่าวทั้งหมด
มีบางข้อความเขียนว่า "ในโลกใบนี้ เดิมทีไม่มีทะเลทราย แต่เมื่อฉันคิดถึงเธอหนึ่งครั้ง พระเจ้าก็ประทานเม็ดทรายลงมาหนึ่งเม็ด จนกลายเป็นทะเลทรายซาฮารา ในโลกใบนี้ เดิมที่ไม่มีทะเล เมื่อฉันคิดถึงเธอหนึ่งครั้ง พระเจ้าก็ประทานน้ำมาหยดหนึ่ง จนรวมเป็นมหาสมุทรแปซิฟิก"